Category Archives: ข่าววันนี้

อุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดร

ศึกชิงแบรนด์ “อุ๊งอิ๊ง” พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดรฯ สกัด “สุดารัตน์”

ศึกคนกันเอง “อุ๊งอิ๊ง” ชักธงรบ พรรคเพื่อไทย ปกป้องอุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง หวั่นหวาดหน่วยจรยุทธ “สุดารัตน์” เจาะ 2 เขต พื้นที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโส เสี่ยงสอบตก

“อุ๊งอิ๊ง” ไม่ประมาท ทั้งอุดรธานี-หนองบัวลำภู พบกระแสพรรคสีแดงทิ้งคนเก่า หลั่งน้ำตา ลาทักษิณ หันไปพึ่ง “สุดารัตน์”

วันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.2566 อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะยกทัพครอบครัวเพื่อไทย ไปเยือน จ.อุดรธานี เปิดเวทีปราศรัย ที่ทุ่งศรีเมือง นำโดย ส.ส.ดาวเด่นดาวดัง ของพรรคเพื่อไทย และเป็นครั้งแรกที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ขึ้นเวทีกลางแจ้ง

เพราะเหตุใด พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเมืองหลวงคนเสื้อแดง หากพิจารณาจากคิวเดินสายของ อุ๊งอิ๊ง ในอุดรธานี ก็พอจะได้คำตอบ

เช้าวันอาทิตย์ หลังนั่งเครื่องบินถึงอุดรธานี อุ๊งอิ๊ง และทีมเพื่อไทย ก็เดินทางไปที่ อ.เพ็ญ และ อ.บ้านดุง เนื่องจากเป็น 2 เขตที่สุ่มเสี่ยง ปราชัยพรรคไทยสร้างไทย

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทีมมาเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองเขต ปรากฏว่า มีกระแสตอบรับดียิ่ง และข่าวแบรนด์คุณหญิงหน่อยขายได้ สะเทือนถึงดูไบ

บวกกับสถานการณ์ ล่าสุด วิชัย สามิตร อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พาหลานชาย ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนองบัวลำภู หลั่งน้ำตาล่ำลาเพื่อไทย เพราะพรรคไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.สมัยหน้า

วิชัย สามิตร โยนระเบิดว่า พรรคเลือกนายทุน ไม่เอาคนเก่าแก่ที่อยู่กับพรรคมา 20 กว่าปี และถัดมา ทางพรรคเพื่อไทยชี้แจ้งว่า เหตุที่พรรคไม่ส่งณัฐวุฒิ สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากว่าแฟนสาวของณัฐวุฒิ เป็นรองโฆษก พรรคไทยสร้างไทย

ทั้งอุดรธานี และหนองบัวลำภู ต่างก็มีปมมาจากความไม่ถูกกัน ระหว่างเพื่อไทย กับ ไทยสร้างไทย

ศึกชิงแบรนด์ อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง” ชิงเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อุดรธานี เพราะว่าไม่ประมาทคนกันเอง และไม่ละเลยแบรนด์ “สุดารัตน์”

ปัจจุบัน ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เหลืออยู่ 7 คน ประกอบด้วย ศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี 4 สมัย ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ,อนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ,ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี 6 สมัย ,อาภรณ์ สาราคำ ภรรยาขาใหญ่เสื้อแดง-ขวัญชัย ไพรพนา ,จุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ภรรยาเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี ,เกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย และเทียบจุทา ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ภรรยาวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี

ส่วน จักรพรรดิ ไชยสาส์น ได้ลาออกจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเพื่อไทย ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่เพื่อไทยไม่ได้เป็นห่วงเขตนี้มากนัก

สมัยหน้า สนามเลือกตั้ง อุดรธานี มี ส.ส.เพิ่มจาก 8 คน เป็น 9 คน ทางพรรคเพื่อไทย ได้ตระเตรียมไว้แล้ว โดยเขตใหม่ จะส่งเสี่ยก้อ-วัชระพล ขาวขำ รองนายกเทศมนตรี นครอุดรธานี ลูก ชายวิเชียร-เทียบจุฑา ขาวขำ ลงสนามเป็นสมัยแรก

ส่วน สจ. เบิร์ด กรวีร์ สาราคำ ลูกชายขวัญชัย ไพรพนา จะสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน แม่ อาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี เขต 4

กรณี จักรพรรดิ ไชยสาส์น ลูกชายอีดี้จวบ-ประจวบเหมาะ ไชยสาส์น เพื่อไทยจะส่งอีโต้อีสาน ธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯ ลงสมัครแทน ที่เขต อ.กุมภวาปี

พื้นสุ่มเสี่ยงของเพื่อไทยเป็น อำเภอบ้านดุง และ อำเภอเพ็ญ “อุ๊งอิ๊ง” ก็เลยยกทีมไปยืนยัน ความเป็นลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร แบรนด์ของแท้ ส่วนแบรนด์ “สุดารัตน์” ไม่ใช่พวกเดียวกัน

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทัพใหญ่ พรรคไทยสร้างไทย มาเปิดตัวผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอุดรธานี 2 เขต คือ อ.บ้านดุง และ อ.เพ็ญ

สำหรับ อ.บ้านดุง พรรคไทยสร้างไทย ส่ง โชคเสมอ คำมุงคุณ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านดุง และ อำเภอเพ็ญ ก็ส่ง หรั่ง ธุระพล นายก อบต.เซียงหวาง ลงสนาม

ทั้งโชคเสมอ และหรั่ง เป็นนักการเมืองท้องถิ่นดาวฤกษ์ หรือบ้านใหญ่ เคยลงสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสีเสื้อภูมิใจไทย มาตั้งแต่ปี 2554 และปี 2562 ถึงจะแพ้เพื่อไทย แต่ก็ได้คะแนนหลักหมื่น

เมื่อโชคเสมอและหรั่ง ย้ายมาสวมเสื้อพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ ชาวบ้านกล่าวเป็นเสียงกันกันว่า มาถูกทางแล้ว เนื่องจากว่าแบรนด์คุณหญิงหน่อย ยังได้รับความชื่นชอบ ต่างแบรนด์เนวิน ที่ชาวบ้านปฏิเสธ

ขณะที่ อนันต์ ศรีพันธุ์ (อ.เพ็ญ) และขจิตร ชัยนิคม (อ.บ้านดุง) เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย แต่ราษฎรเริ่มเบื่อ เพราะทั้งคู่ไม่ขยันลงพื้นที่ และมีโอกาสจะแพ้แก่คู่แข่งเก่า

นายณัฐวุฒิ

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทัพ พรรคเพื่อไทย บุกถิ่นอุดรฯ15เดือนมกราคมโหมโรงรอเลือกตั้งหวังแลนด์สไลด์

นายณัฐวุฒิ กล่าว การจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย : อีสานยามได๋ เพื่อไทยท่อนั่น ที่ จ.อุดรธานี เพื่อเป็นการยืนยันว่าในปี 66 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นปีแห่งการทวงคืนอนาคตจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่ไร้ความสามารถและอยู่ในอำนาจมา 8 ปี ทั้งนี้แม้หลายฝ่ายจะมองว่า จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงทางการเมืองของพรรค พท. ในภาคอีสาน เพราะชนะเลือกตั้งยกจังหวัดหลายสมัย แต่พรรค พท. ไม่รู้สึกว่าพื้นที่ใดหรือจังหวัดใดสำคัญมากหรือน้อยกว่า ทุกจังหวัดมีความสำคัญสำหรับการทำงานทางการเมืองของพรรคเท่าเทียมกัน

หลังการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยที่อุดรธานี แล้วจะมีการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยไปยังภูมิภาคต่างๆได้แก่ ภาคกลาง อีสานใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จนกระทั่งจะมีการยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้ว พรรค พื้นที่จะจัดเวทีปราศรัยในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครเพื่อประกาศคิกออฟหลักการชุดใหญ่ เป็นนโยบายในโค้งสุดท้ายเพื่อไปสู่สนามลงคะแนน จุดหมายของพรรค พื้นที่ เป็นการมุ่งเป้าที่การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเอาชนะกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม วางเอาไว้ให้ได้

1 คดีป๋ายุทธ

ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทาง แอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 แล้วก็ เฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 ในวัน อังคาร ที่ 10 มกราคม 2566 เสนอรายงานพิเศษ ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับภรรยาชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

การยุทธ ยังไม่สิ้นเสร็จ ทางออกของ ย. ย. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเป็นอย่างไรถัดไป คดีที่กลายเป็นข่าวอื้อฉาว คาวสวาท ในวัย 80 ปี กับสาวสวยรุ่นลูก ซึ่ง ดันเป็น “เมียชาวบ้าน”

นายยงยุทธ ในช่วงเวลานี้ ต้องเจอศึกกระหนาบ กับหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งจากคดี และก็ กระแสสังคม

ในทางคดีนั้น “นาย ก.” ฝ่ายโจทก์ ซึ่ง มีทนายความตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับว่าความให้ ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ต่อ เชลยไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ปรากฎว่า มีการเดินเกม โต้กลับ ส่งคนไปขู่เข็ญคุกคามทางด้านโจทก์ ถือเป็นแผนการที่พลาดอย่างแรง ของคนสั่งการ

เมื่อโจทก์เกิดความหวาดกลัว แล้ว ยอมถอยไปเงียบๆก็ถือว่าเข้าทางไป แต่สำหรับในกรณีนี้ โจทก์ กลับทำตรงกันข้าม และ พร้อมที่จะชนอิทธิพลให้ รู้ดี รู้ชั่ว กันไปเลยทีเดียว

ภรรยาถูกชายชู้ตีท้ายครัว ก็เจ็บปวดเพียงพอแล้ว ยังมาถูกขู่เข็ญคุกคามซ้ำอีก สามีของฝ่ายหญิง เลยทวงแค้น ด้วยการเปิดโปง

2 คดีป๋ายุทธ

สำหรับหมากเกมนี้ คดีป๋ายุทธ ของชายมือที่สาม ก็เลยถือว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างแรง

จากคดีที่ฟ้องร้องคดีกันเฉยๆ ไม่มีใครรู้ ก็เลยตกกลายเป็นข่าวดัง ได้รับรู้กันทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางคดีอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทางออก ไม่มีค่าใช้จ่ายทดแทน ตามกฎหมายแพ่ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่า สามีภรรยาคู่ปัญหานี้ รู้เห็นเป็นใจกัน ทำสถานการณ์ขึ้นเอง จน ป๋ายุทธ์ ติดบ่วง

ว่าในหัวข้อตามกฎหมาย ก็คือ การจะฟ้องร้องทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายอะไรก็ตาม ตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 1523 เรียกค่าทดแทน จากแฟนปันใจ จำเป็นต้องเป็นคู่ที่ จดทะเบียนกันแล้วเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะโดยพฤตินัย จะแยกบ้านกันอยู่ก็ตาม ยังถือเป็น สามี ภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย

ถ้าเกิดผัวเมียชนิดอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้ลงบัญชีกัน จะไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องคดีตามมาตรา ดังกล่าวได้เลย

จนกระทั่งขณะนี้ ก็ยังไม่มีการรับรองชัดเจน ในประเด็นทะเบียนสมรส ว่ามีไหม แต่ก็น่าคิดเหมือนกันว่า ผู้ใช้กฎหมาย ระดับ ทนายความตั้ม จะมาตายน้ำตื้น พลาดในตัวบทกฎหมายง่าย ๆ แบบนี้ ก็ยากที่จะมีความเป็นได้

มาถึงหัวข้อที่น่าสนใจเยอะที่สุด อันจะเป็นเหตุทำให้คดีพลิก และก็ เกิดกระแสตีกลับ มีการวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันคือ ป๋ายุทธ คือ เหยื่อของเกมหลงใหล อันซับซ้อน เป็นได้ว่า งานนี้ เป็นแผนการส่งฝ่ายหญิง ไปล่อลวงให้ “ป๋ายุทธ ดอนฮวน แห่ง ชาวสิงห์ดำ” ตกหลุม เพื่อร่วมกันแบล็กเมล์ตบสินทรัพย์ มันจะเป็นได้หรือไม่ หลายๆคนเปิดประเด็นนี้ เพื่อให้มองดูรอบด้าน

หนึ่งในคำถาม ที่มีต่อ ตัวคู่ผัวเมีย ทำไม ฝ่ายสามีถึงได้ เข้าถึงภาพลับ แชทลับ ต่าง ๆ ของภรรยาได้ ทั้งที่เมียกำลังเริ่มจะมีพฤติกรรมทางลับ ที่มิดีมิงาม

เพราะเหตุไร เธอถึงไม่ถ้วนถี่ ไม่มีการเข้ารหัสป้องกันโทรศัพท์เคลื่อนที่ นี้จะดูให้เป็นพิรุธ ก็ดูได้ด้วยเหมือนกัน

ฝ่ายจำเลย บางทีอาจใช้ประโยชน์จากความสงสัย เหล่านี้ แปลงตัวเอง ให้เป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้ง ไปเลย ไม่ใช่นักรักนักล่าไม่มีหัวใจ อย่างที่ข่าวเขาว่าซะหน่อย

3 คดีป๋ายุทธ

แต่การเข้าถึงข้อมูลมือถือนั้น จริง ๆ ก็มีสารพัดสารพันกรรมวิธีที่จะ “แฮก” เข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีรหัสป้องกันก็ตาม

เดี๋ยวนี้ ความพลาดท่าอย่างแรงของ ป๋ายุทธ ก็คือ สมรภูมิโซเชียล เพราะเหตุว่าภาพลับของ นายยงยุทธ เริ่มถูกปล่อยออกมา ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ไปแล้ว

อย่างภาพโป๊คู่กัน ที่ถึงแม้ไม่เห็นหน้าฝ่ายชาย แต่ก็เห็นผมสีดอกเลาโดดเด่น เป็นสง่า ก็ไม่สามารถเป็นคนที่สอง หรือ ใครอื่นได้

หรือภาพเปิดหน้าชัด ๆ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โอบไหล่สาวสวยรุ่นลูก แชะภาพร่วมกันอย่างเปิดเผย บางครั้งอาจจะแถว่าเป็นภาพตัดต่อ ก็ว่าได้ แต่ ใครจะเชื่อ? รวมทั้ง วันนี้ยังมีภาพหลุด ค่อย ๆ ปล่อยทะยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

การจัดการตัวเอง ในโลกของโซเชียลนั้น ถือเป็นงานยาก ถึงยากที่สุด ท่ามกลางภาพลับ ที่คงตามมาอีกเยอะ ที่กำลังจะได้ดู ต่อเนื่อง ทุกวันเป็นอย่างกับหนังซีรี่ย์ เพื่อบีบรัด ป๋ายุทธ ให้ “ดิ้น” ไม่ออก

ยิ่งมีการไปต่อปากต่อคำ กับทนายความตั้ม รวมถึง ตั้งท่า ดึงพรรคเพื่อไทยมาอุ้ม ก็จะยิ่งโดน ทนายตั้ม “ขยี้” ด้วยเหลี่ยมเชิงตรรกะยอกย้อน ชาวเนต ซึ่ง โดยมากยืนข้าง ทนายตั้ม ก็จะรุมสกรัม ป๋ายุทธ ซ้ำกันเข้าไปอีก

ครั้งคราว การยืดอกยอมรับเรื่องจริง ยอดเยี่ยม ผมนี่แหละครับ “ป๋า สปอร์ต ใจดี กทม. โอนไว” แล้วปิดห้องสนทนา เพื่อจ่ายค่าเสียหาย ให้กับความซุกซนที่ก่อไว้ บางทีอาจเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยม ขณะนี้ เชื่อ ในทางพฤตินัย การยุทธ คงจะสิ้นเสร็จ แล้ว ก็จะได้เสร็จเรื่องกันไป

1 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ ไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาอย่าง XBB.1.5 ทำให้เกิดความหนักใจเพราะเหตุว่ามันแพร่กระจายอย่างได้อย่างเร็วทันใจ

นอกจากในสหรัฐฯ แล้ว การแพร่ระบาด ของ สายพันธุ์ใหม่ นี้ ก็ เริ่ม มี จำนวน มากขึ้น ใน สหราชอาณาจักร ด้วยเหมือนกัน แล้วเราจะต้องทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับ XBB.1.5 เพื่อเตรียมรับมือกับมัน

2 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5 คืออะไร และลักษณะของมันเป็นอย่างไร

มันเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยที่แยกตัวมาจากโอมิครอนที่ถือได้ว่าสายพันธุ์หลักของโลกอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์มาจาก อัลฟา เบตา แกมมา รวมทั้งเดลตา ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักมาก่อนหน้านี้

โอมิครอนเป็นไวรัสที่มีคุณภาพเหนือกว่าเชื้อไวรัสวัวโรนาสายชนิดก่อนหน้านี้ทั้งหมดตั้งแต่แมื่อเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อสิ้นปี 2021 แล้วก็ทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยจำนวนมากซึ่งทำให้แพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยตัวเดิม

ลักษณะของ XBB.1.5 นั้นมีความคล้ายคลึงกับอาการของโอมิครอน แม้กระนั้นก็ยังเร็วเกินไปที่จะรับรองว่าอาการคล้ายกันใช่หรือไม่ โดยคนไข้ส่วนมากที่ติดโรคเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวนี้มักมีลักษณะคล้ายเป็นหวัด

XBB.1.5 ติดได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าหรือไม่

XBB.1.5 พัฒนามาจาก XBB ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดียในเดือน สิงหาคม 2022 แต่ว่ายังไม่ได้จัดอยู่ในชนิดที่เรียกว่า “สายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล” โดยหน่วยงานด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ต่อมาเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน เดือนกันยายน 2022

XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยทำให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แต่คุณคุณลักษณะเดียวกันนี้ยังลดความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการติดเชื้อในเซลล์ของผู้คนด้วย

ศ.จ. เว็นดี บาร์เคลย์ จากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน บอกว่า XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่รู้จักกันในชื่อ F486P ซึ่งมีความสามารถสำหรับเพื่อการยึดเกาะกับเซลล์ตอนที่ยังคงหลบภูมิต้านทานได้ ทำให้แพร่ระบาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เธอบอกว่า ความเคลื่อนไหวทางด้านพัฒนาการเหล่านี้เป็นราวกับก้าวแรกของเส้นทาง เนื่องจากเชื้อไวรัสมีวิวัฒนาการเพื่อค้นหาแนวทางการใหม่สำหรับในการหลีกเลี่ยงกลไกการคุ้มครองป้องกันตนเองของร่างกาย

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันเมื่อ 4 เดือนมกราคม ว่า XBB.1.5 มี “ความได้เปรียบสำหรับในการเติบโต” เหนือสายพันธุ์ย่อยอื่นๆทั้งหมดที่เจอในขณะนี้

แม้กระนั้นพวกเขาบอกว่าไม่มีข้อชี้ชัดว่ามันรุนแรงหรือเป็นอันตรายมากยิ่งกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้านี้อย่างโอมิครอน

WHO บอกว่าจะติดตามผลวิจัยในห้องทดลอง ข้อมูลตามโรงพยาบาล รวมทั้งอัตราการติดเชื้ออย่างสนิทสนม เพื่อหาข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อผู้เจ็บป่วย

XBB.1.5 แพร่กระจายไปที่ใดบ้าง

กว่า 40% ของผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐอเมริกาคาดว่าเกิดจากสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ทำให้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ

เมื่อต้นเดือน ธันวาคม 2022 ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีสัดส่วนเพียง 4% ของผู้ติดโรคทั้งหมด ซึ่งทำให้ปัจจุบันนี้ XBB.1.5 ได้แซงหน้าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างรวดเร็วทันใจ

การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของคนป่วยโควิดมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วสหรัฐอเมริกา

ที่ทำการความมั่นคงด้านของสุขภาพที่สหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) มีระบุจะออกรายงานเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรในอาทิตย์หน้า และก็อาจมีการเอ๋ยถึงสายพันธุ์ XBB.1.5

3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรได้หรือไม่

ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ก็มีความเป็นไปได้

สหราชอาณาจักรเกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอน 5 ระลอกในปี 2022 และก็การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนเจ็บเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

จำนวนคนไข้ประจำสัปดาห์จนถึงวันเสาร์ที่ 17 เดือนธันวาคม จาก Sanger Institute หรือสถานบันแซงเกอร์ ในเคมบริดจ์ชี้ให้เห็นว่า 1 ใน 25 ของคนป่วยโควิดในสหราชอาณาจักรเป็น XBB.1.5

แต่ข้อมูลนั้นมาจากตัวอย่างเพียงเก้าตัวอย่าง โดยเหตุนั้นอาจจำเป็นต้องรอคอยอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์เพื่อเห็นภาพที่ชัดขึ้นว่าการแพร่ระบาดจะเป็นอย่างไร

ศาสตรจารย์บาร์เคลย์บอกว่า เธอคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเยอะขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร ถ้าสายพันธุ์ย่อยเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร “ดังที่เราคาดไว้”

ศาสตราจารย์พอล ฮันเตอร์ จาก University of East Anglia หรือมหาวิทยาลัยแห่งอีสต์อังเกลีย กล่าวว่า “มีความน่าจะเป็นที่ XBB.1.5 จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรกในปลายเดือนนี้ แม้กระนั้นพวกเราไม่อาจจะแน่ใจได้”

นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับ XBB.1.5 หรือไม่

ศาสตราจารย์บาร์เคลย์กล่าวว่า เธอไม่ได้กลุ้มอกกลุ้มใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับประชากรทั่วๆไปของสหราชอาณาจักร เนื่องจากไม่มี “สัญญาณบ่งชี้” ว่า XBB.1.5 จะ “ทะลุ” เกราะคุ้มครองการเจ็บป่วยรุนแรงที่ผู้คนได้รับจากวัคซีนกันไปเป็นส่วนมากแล้ว

แม้กระนั้นเธอเป็นห่วงเกี่ยวกับผลกระทบต่อกลุ่มบอบบาง ศูนย์รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง ซึ่งอาจมีเกราะป้องกันที่บางทีก็อาจจะน้อยกว่าจจากการได้รับวัคซีนโควิด

ศ.จ.ฮันเตอร์กล่าวว่า เขามองไม่เห็นหลักฐานว่า XBB.1.5 มีความรุนแรงมากยิ่งกว่า ซึ่งแปลว่าบางครั้งอาจจะไม่ “ทำให้ท่านจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือฆ่าคุณ” มากยิ่งกว่าสายพันธุ์โอมิครอนที่มีอยู่

“เป็นเรื่องน่าชวนหัวที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่สายพันธุ์ย่อยที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นจากจีน แต่ว่าตามที่เป็นจริงแล้ว XBB.1.5 มาจากสหรัฐฯ” เขากล่าวเสริม

ศ.จ.เดวิด เฮย์มันน์ จาก London School of Hygiene and Tropical Medicine ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านสุขลักษณะและเวชศาสตร์เขตร้อนในลอนดอน ยอมรับว่ายังจะต้องอาศัยเวลาอีกพอสมควรที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยตัวล่าสุดนี้

แต่เขาพูดว่าไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในประเทศอย่างอังกฤษ ซึ่งมีการฉีดยาในชั้นสูงรวมทั้งการได้รับเชื้อของประชากรมาก่อนหน้านี้

ความรู้สึกวิตกกังวลของเขาคือประเทศต่างๆอย่างเช่น จีน ซึ่งมีทั้งปริมาณคนรับวัคซีนที่น้อยและก็ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติยังไม่มากพอ อันสืบเนื่องมาจากการปิดประเทศที่ยืดเยื้อ

“จีนจำต้องแบ่งปันข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับคนที่ติดเชื้อเพื่อมองว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยพวกนี้มีความประพฤติอย่างไรในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิต้านทาน” ศาสตราจารย์เฮย์มันน์กล่าว

1 ความปลอดภัยไซเบอร์

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในช่วง 2 ปีให้หลัง วิธีการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างเร็วมากยิ่งขึ้น ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ สำหรับการช่วยปรับปรุงธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งนำข้อมูล มาพินิจพิจารณาเพื่อส่งเสริมการตลาด แล้วก็ รู้เรื่องลูกค้าเยอะขึ้น

ในขณะที่แนวทางการทำงานของคน ถูกแปรไปเป็นแบบรีโมทเพิ่มมากขึ้น (Remote Working) นำมาซึ่งการทำให้ องค์กรทุกขนาด จะต้องปรับตัววางแผนดำเนินการผ่าน คลาวด์ (Cloud) เพิ่มมากขึ้น

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด พูดว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และ พินิจพิจารณาข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นนำของโลก กล่าวว่า ในปี 2025 องค์กรทั้งโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์เยอะขึ้น 20.4% ขณะที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีบทบาทมากเพิ่มขึ้น เพราะ องค์กรต่างต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ให้ไม่มีอันตราย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

2 ความปลอดภัยไซเบอร์

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

ปัจจุบันนี้การปรับเปลี่ยนองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายไอที ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป และ PDPA ของไทย รวมถึงการเรียนรู้วัสดุ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อมกัน ช่วงเวลาเดียวกันยังต้องจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้คาดการณ์ไว้ ดังนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องต้องกันมาใช้ จะทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อองค์กร – ในช่วง 3 ปีให้หลัง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ ประธาน หรือ พนักงาน ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ส่งผลให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะจัดการยากขึ้น – การจู่โจมจะถูกเปลี่ยนแปลงจากการจู่โจมที่จุดเดียว เป็นการจู่โจมแบบ Series หรือ กระจายกำลังโจมตีหลายจุด ทำให้องค์กรต่อกรได้ยากขึ้น รวมทั้ง การโจมตี จะไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าหากประธาน และก็ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกจู่โจมได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกที่ – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรจำต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ทำงานจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความจำเป็นเยอะขึ้นในอนาคต เวลาเดียวกันจำเป็นต้องคุ้มครองป้องกันการโจมตี ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยเช่นเดียวกัน

ภัยรุกรามทางด้านสังคม (Social Engineering) จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง – การฉ้อโกงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีการปรับปรุงมากขึ้น ในปีที่ผ่านมานั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จัก ซึ่ง คนเหล่านี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม รวมทั้ง เลือกหลอกเงิน ในปริมาณที่สามารถให้ได้ ซึ่งภัยคุกคามรูปแบบนี้ Trend Micro ได้รอเตือนผู้ใช้อยู่เสมอ ในช่วงเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะตกเป็นเป้าจู่โจม – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรชอบเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source มากเพิ่มขึ้น โดยมิได้นึกถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะกลายเป็นเป้ามากขึ้น – อุตสาหกรรมในยุค 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน และก็ ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน ก็เลยไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกโจมตีกระทั่งสายการสร้างหยุดทำงานได้เช่นกัน จากเทรนด์ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว จะมีความคิดเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีหน้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความโปร่งใสสำหรับการทำธุรกิจ และก็ ยังสามารถพินิจพิจารณา คาดหมาย ว่าองค์กรต้องต่อกรกับอะไรที่อยู่ในอนาคต และก็ จะป้องกันตัวเองอย่างไร

3 ความปลอดภัยไซเบอร์

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process รวมทั้ง Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรจำเป็นต้องต่อกรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุว่าการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ และ เมื่อข้อมูลเป็นกรุสมบัติที่สำคัญ ขององค์กร หากถูกโจมตี จนกระทั่งเสียหาย จะทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ช่วงเวลาเดียวกันคู่แข่งขันก็บางทีก็อาจจะใช้โอกาสนี้ สำหรับเพื่อการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

ดังนั้น องค์กรก็เลยจำต้องให้ความสำคัญกับ 3 ส่วน ดังต่อไปนี้

People – เพราะเหตุว่า เหตุของการถูกจู่โจมส่วนใหญ่นั้น มาจากการขาดวิชาความรู้ และก็ ลักษณะการโจมตี มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเวลา องค์กรควรจะให้ความใส่ใจกับการผลิต ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างสม่ำเสมอ เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่เป้าหมายองค์กร ปัจจุบันนี้คนทำงานได้จากทุกหนทุกแห่ง องค์กรจำเป็นจะต้องพร้อมสำหรับเพื่อการเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ เปลี่ยนระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation เยอะขึ้น เพื่อความรวดเร็ว แล้วก็ ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางส่วนประกอบเบื้องต้นทางด้านเทคโนโลยี ให้มีความพร้อมเพรียง ด้านการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นเขาคลาวด์ จำเป็นที่จะต้องสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาสนับสนุนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการมีทีมช่วยเหลือที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform หัวใจหลัก ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายชัดแจ้งสำหรับในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากยิ่งกว่าเพียงแค่ขายโซลูชัน เนื่องจากว่าต้องการบูรณาการ โครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบภัยรุกราม เพื่อปกป้องเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมไปถึงการตอบกลับต่อภัยคุกคามอย่างทันเวลา (Incident Response) ซึ่ง เป็นข้อดีของสินค้า

ด้านการให้ความรู้ความเข้าใจ บริษัทวางแบบเทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT และก็ End User แยกจากกัน เพราะว่า ต้นแบบการถูกจู่โจมของบุคลากรแต่ละระดับนั้น แตกต่าง ถ้าหากผู้ใช้เพียงผู้เดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจจะเป็นผลให้องค์กรถูกโจมตีจนถึงเสียหายทั้งบริษัทได้

ขณะเดียวกัน Trend Micro มีผู้ส่งเสริมสุดยอด ทั้ง AWS, Google และ Microsoft รวมทั้ง สิ่งสำคัญในที่สุดคือ Trend Micro มีกลุ่มช่วยเหลือที่แข็งแรง มีบุคคลที่มีความสามารถ ความชำนาญด้าน Cybersecurity ในประเทศไทย และก็ผ่านการดูแลลูกค้าชาวไทยมามากยิ่งกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธนาคาร รวมทั้งภาครัฐ ด้วยเหตุนั้น การมีรากฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะก่อให้องค์กรสามารถปกป้องข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปภายนอก และก็ ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

รอวอไม่ขอเผด็จการ

ครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” ทำ “บิ๊กตู่” เดือด! ลั่นใช้ กม.เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้วเด็ก” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน

ลามถึงเด็กนักเรียน! คุณครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” เหตุ “บิ๊กตู่” สั่งเฉียบใช้ กม.จัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้ว” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน “ทูตนริศโรจน์” ชี้ “อคติ-มองมิติเดียว” ผิดจรรยาบรรณ “ครู”

จากกรณีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปคุณครูสาวโรงเรียนดังใน กทม.ขณะสอนวิชาสังคมศึกษาได้ใช้คำพูดในลักษณะด้อยค่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความไม่เหมาะสม

วันที่ 22 ธ.ค. นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางด้านสังคมออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Nopadol Prompasit หลายครั้งเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ใจความโดยรวมสรุปได้ว่า ได้เดินทางไปโรงเรียนดังกล่าว แล้วก็เรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานครเขต 2 เร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน พร้อมระบุว่า นักเรียนที่ถ่ายคลิปครูสาว bully ป๋าเปรม กำลังโดนขู่คุกคามอย่างหนัก

“เหตุการณ์ในคลิป (ครูสาว bully ป๋าเปรมให้นักเรียนฟัง) เกิดขึ้นวันอังคารที่ 20 ธันวาคม ในวิชาสังคมศึกษา

จากการขุดประวัติครูสาวคนนี้ ยังมีพฤติกรรมที่จาบจ้วงสถาบันอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใส่ชุดข้อมูลผิดๆ ใส่หัวเด็กนักเรียนมาแบบนี้ตลอด

“ช่วยกัน Save น้องนักเรียนที่ถ่ายคลิปครูสาว น้องมีความกล้าหาญมาก ที่ถ่ายคลิปนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชน มิฉะนั้น สังคมจะไม่มีวันรู้เลยว่า ครูคนนี้ล้างสมองเด็กนักเรียนด้วยข้อมูลผิดๆ มานานมากแล้ว

“ได้โทร.คุยกับเด็กที่ถ่ายคลิป ตอนนี้น้องมีความกลัวมาก เพราะเด็กสามกีบในห้องที่เป็นบริวารครู ขู่จะมารุมทำร้ายน้อง” นายนพดล ระบุ

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ได้แชร์ข่าวครูสอนเด็กพาดพิงในเชิงบูลลี่ “ป๋าเปรม” พร้อมข้อความระบุว่า “ยับแน่ยับ น้องคนถ่ายคลิปกำลังโดนล่าแม่มด”

ก่อนหน้านี้ The METTAD โพสต์ข้อความว่า “ถ้าไม่ได้ พล.อ.เปรม ช่วยไว้ พวกมึงก็อดตายในป่า ไม่ก็ไปโดนชนกลุ่มน้อย สอยเอาแถวตะเข็บชายแดนนั่นล่ะ เขาให้โอกาสแล้วยังเนรคุณ”

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมาย

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมายจัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก

ขณะเดียวกัน วันที่ 22 เดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และก็ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 12/2565 ว่า “ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สมัครสมานสามัคคี อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือทำให้สังคมวุ่นวาย ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดทุกประการ ก็ไปสู้คดีกันเอาเอง ฉะนั้น ผมสั่งในฐานะที่ไม่ได้บังคับใคร สั่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณีทั้งสิ้น ไม่ว่าการจะบูลลี่กันในโรงเรียน เอาคนเข้าไปในโรงเรียนหรือในสถานศึกษา ต่อไปนี้มีความผิดทั้งหมด ไปหากฎหมายดำเนินการให้ได้ทั้งหมด ทั้งผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ครู อาจารย์ ทั้งหมดโดนหมด ไม่เช่นนั้นไม่หยุด บ้านเมืองจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้คือความสุขให้กับคนบริสุทธิ์ คนที่เขาทำความดีไม่อยากมีความขัดแย้ง ฉะนั้น ไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครทั้งสิ้นถ้าทำเข้าคดี ผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการทั้งหมดโดยทันที จะกี่คดีก็ต้องดำเนินการ อันนี้แจ้งเตือนไว้ก่อน สื่อโซเชียลโดนด้วยทั้งหมด”

ด้านเพจเฟซบุ๊กชื่อ Rw Democracy รอวอไม่ขอเผด็จการ แนวร่วมม็อบสามนิ้ว โพสต์แถลงการณ์จากรอวอไม่ขอเผด็จการ (กลุ่มนักเรียนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย) เรื่อง ห้องเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีการนำเสนอข่าวครูในโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ว่า มีการปลูกฝังบิดเบือนให้ร้ายต่อบุคคลสำคัญของไทย ทางรอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้เกิดปรากฏการณ์ล่าแม่มดในวงกว้าง และส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณครูผู้สอน

รอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุยถกเถียงในประเด็นต่างๆ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่หากบรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ก็จะส่งผลให้การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ

ดังนั้น ทางรอวอไม่ขอเผด็จการจึงขอเรียกร้องให้พื้นที่ในห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการจัดการเรียนการสอน เพื่อเปิดกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายในห้องเรียน และเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญาของเยาวชนในสังคม

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล

ด้าน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทยในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า

การ bully คนอื่น โดยเฉพาะคนที่เคยทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ไม่ควรเกิดในพื้นที่ ที่อ้างว่าเป็น safe zone เพราะว่านั่นเท่ากับการเสี้ยมให้เด็กหัด bully ผู้อื่นถึงในห้องเรียน อย่าเบี่ยงประเด็น !!!!

คุณครูที่ bully พลเอก เปรม ไม่ได้มองดูคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่ พลเอก เปรม ทำไว้กับแผ่นดินนี้เลย !

พฤติกรรมการเสี้ยมเด็กด้วยมุมมอง ที่เต็มไปด้วยอคติ และเป็นมิติด้านเดียวของตัวเองเช่นนี้ ผิดจริยธรรม และจรรยาบรรณ ของการเป็น “ครู” อย่างยิ่ง !!!

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การทำ “สงครามทางความคิด” เพื่อเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ของคนบางกลุ่ม กำลังรุกคืบเข้าไปในโรงเรียน อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะสงครามทางความคิด ที่นำไปสู่ การต่อต้านสถาบันหลัก ของประเทศ บุคคลสำคัญ ของประเทศ และก็ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ของประเทศ สร้างความขัดแย้ง ระหว่างความคิดแบบเก่า กับความคิดแบบใหม่ บนพื้นฐาน ที่คนส่วนใหญ่ ของประเทศ ยังเชื่อมั่น ในความดีงาม และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง

ฉะนั้น จึงเท่ากับ เป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยก โดยปริยาย ที่สำคัญ การเน้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ยังเป็นเด็ก ยังเท่ากับเป็นการ “ล้างสมอง” ดีๆ นี่เอง เพราะเด็กย่อมไม่มีภูมิคุ้มกัน ทางความคิด แล้วก็ทางการเมืองในระดับประเทศเลยแม้แต่น้อย

ทางที่ดี ถ้าเกิดจะใช้พื้นที่ห้องเรียนสร้างเสริมประชาธิปไตย แล้วก็อิสรภาพทางความคิด ควรจะหาประเด็น ที่เหมาะสมกับวัยและก็ความคิดอ่านจะดีหรือไม่

หรือหวังผลเร่งด่วนอะไร ที่แทบไม่สนใจว่า ผลกระทบ ที่เกิดกับเด็ก จะเป็นอย่างไร สร้างความเสียหายมากแค่ไหน ขอเพียงแค่ให้ได้ประโยชน์เฉพาะหน้า และก็ผลประโยชน์ด้านการเมือง ก็พอแล้ว!?

1 แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน เปลี่ยนเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนต่อว่าไม่สอนลูก กระทั่ง “ลีเดีย” น้อยใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้รังแกใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวน่าจะคาดว่าเป็นไฝเท่านั้น ลั่นตัวจริงแสบมาก

เป็นทั้งตำนาน และก็ เปลี่ยนเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” บุตรสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้จะเปลี่ยนเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปต่อว่าต่อขาน พ่อ แม่ ว่าเพราะอะไรไม่สอนลูก งานนี้หนุ่มแมทธิว เลยขอชี้แจง ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ สำหรับการเลิกยาสูบ

2 แมทธิว ดีน

แมทธิว ดีน พูดว่า พวกเราก็เปิดภาพให้เขามอง แต่เขาอาจจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกต่อว่าเช่นเดียวกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก คนอื่น ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้ทำร้ายใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกถูกใจสตรีสวย

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

3 แมทธิว ดีน

รับตัวจริงแสบมาก

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

1 หมอโอ๋

เผยข้อมูล "หมอโอ๋" ทำธุรกิจร่วมกับน้องชาย "อั้ม ภูมิพัฒน์" หนึ่งบริษัท

MGR Online – เปิดเผยข้อมูลบริษัทที่ หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นกรรมการร่วมกับน้องชาย อั้ม ภูมิพัฒน์ สามี แยม ธมลพรรณ์ ที่ถูกฟ้องร้องฟอกเงินเกี่ยวข้องเว็บพนัน – หนังโป๊

หลังเจ้าตัวอ้างว่า ไม่ทราบเรื่องธุรกิจ และ ไม่ใช่เรื่องของตน เจอเป็นที่ตั้ง คลีนิคเสริมความสวยสดงดงาม บริเวณ โยธินพัฒนา

วันนี้ (18 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตำรวจ) จับ นาย ภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี และ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี อดีตดารา ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่ที่พัก

หลังสืบทราบว่า เป็นโครงข่าย ลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทายผลบอลโลก แล้วก็ คลิปลามกอนาจาร เจอของกลาง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง เงินสด 42 ล้านบาท ที่พักหรู รวมมูลค่า สินทรัพย์กว่า 700 ล้านบาท

2 หมอโอ๋

ย้อนกลับมา “แยม ธมลพรรณ์” อดีตดาราสาว เงิน 22 ล้าน ไหม้ที่เกาะกูด โดนจับ พร้อมสามี คดีฟอกเงินเว็บพนัน

ต่อมา พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ “หมอโอ๋” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี

ผู้ครอบครองเพจชื่อดัง “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่ง เป็นพี่สาว นายภูมิพัฒน์ โพสต์ข้อความอธิบายว่า บ้านมีฐานะพอสมควร บิดาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มิได้ทุกข์ยากลำบากเรื่องการเงิน

น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ รู้ดีว่าน้องนำเงินไปร่วมหุ้น แล้วก็ เหรียญคริปโตฯ ในช่วงรุ่งโรจน์

จนกระทั่งมีรายได้มากมาย อีกทั้ง ไม่ได้ทราบเรื่องเนื้อหาของงาน ที่ญาติพี่น้องแต่ละคนทำนัก ไม่รู้จักเรื่องธุรกิจ ที่เป็นข่าว การันตีว่าตน แล้วก็ครอบครัว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว และ ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

“บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโต ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

“บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)” พญ.จิราภรณ์ระบุ

3 หมอโอ๋

“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการค้นหาข้อมูลที่ได้รับมาจากกรมพัฒนาธุรกิจกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า พญ.จิราภรณ์ หรือแพทย์โอ๋ กับ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ซึ่งเป็นน้องชาย มีชื่อกรรมการบริษัทด้วยกัน 1 แห่ง คือ บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด ขึ้นทะเบียนจัดตั้ง ตอนวันที่ 9 ส.ค. 2556 ทุนสำหรับจดทะเบียน 3 ล้านบาท

จุดประสงค์ ตอนลงบัญชี ประกอบกิจการประมูล เพื่อรับจ้างทำของ ตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด ให้แก่บุคคล คณะบุคคลนิติบุคคล ส่วนราชการ

จุดประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีปัจจุบัน ให้บริการเสริมความสวยงาม ที่ตั้งสำนักงาน แห่งใหญ่ 249 ซอยโยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

มีกรรมการบริษัท 5 คน

เช่น นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นางจิราภรณ์ อรุณากูร, นางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และนายกิดากร กิระนันทวัฒน์ กรรมการลงชื่อผูกพัน มีนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ สามในสี่คนเซ็นชื่อร่วมกัน

และ ประทับตราสำคัญ ของบริษัท ปีงบการเงิน 2564 มีสินทรัพย์ รวม 25,877,727.14 บาท หนี้สินรวม 15,744,807.68 บาท มีรายได้รวม 32,290,161.55 บาท รายจ่ายรวม 29,821,131.72 บาท กำไรทั้งสิ้น 1,970,944.17 บาท

แล้วก็ จากการสืบค้น ผู้ถือหุ้น บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด เพิ่มเติม พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ รองลงมาคือ นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายชาคริต ปิลันธนากร และ มี นางจิราภรณ์ อรุณากูร กับนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 และ 5 โดยมีสัดส่วน เสมอกัน ส่วนนางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน ถือหุ้น ต่ำที่สุด

นอกเหนือจากนี้ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ ยังเป็นที่ตั้งเดียวกับ บริษัท กู๊ดไทม์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากการค้นพบว่า ลงทะเบียนก่อตั้งตอนวันที่ 30 ม.ค. 2555 ทุนเพื่อการจดทะเบียน 40 ล้านบาท

วัตถุประสงค์ตอนลงทะเบียน ประกอบกิจการ โรงเรียน กวดวิชา โดยมิได้เป็นการสอนในเวลาปกติ จุดหมายที่ส่งงบการเงินปีปัจจุบัน ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการสาธารณูปโภค มีนางสาวอรอนงค์ ภู่เจริญ เป็นกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ตั้ง บริษัทเพิ่มเติม พบว่า เป็นที่ตั้งของ แผนการทเวนตี้โฟร์เฮ้าส์ (24 House) ปากซอยโยธินพัฒนา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลาะทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตรงกันข้ามห้างขายเฟอร์นิเจอร์ชิครีพับลิค

โดยพบว่า เป็นอาคาร 2 ชั้น ผู้เช่าโดยมาก เป็นคลีนิคเสริมความสวย

โดยมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ชั้นล่าง หนึ่งในนั้น คือ คลีนิคเสริมความงดงาม ที่ชื่อว่า ดิ อิมเมจ เมดิคัล แอสเธติก เซ็นเตอร์ (The Image Medical Aesthetic Centre)

อากงจุน

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อาจจะมองไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังยกย่อง “อากงจุน” ผู้จัดตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะจะต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักลงคะแนนเสียง มัวแต่ดีลจนกระทั่งลืม ปชช.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เดือนธันวาคม 65) เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews บอกว่า

“Forbes ยกย่อง “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย

วารสาร Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายชื่อ วีรบุรุษผู้ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจบุญทั่วภูมิภาคทวีปเอเชียแปซิฟิก ที่ได้อุทิศเงินทองส่วนตัวช่วยเหลือการบุญ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม และก็ ทางสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 คนไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหมายถึง “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกมีทั้งสิ้น 15 คน อาทิ Melanie Perkins แล้วก็ Cliff Obrecht ผู้ร่วมตั้งแอปฯ มีชื่ออย่าง Canva ที่เซ็นชื่อในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

รวมทั้งยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้จัดตั้ง และก็ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินช่วยเหลือองค์กร ที่สนับสนุนด้านมนุษยธรรม เป็นจำนวนมากมาย

ในขณะที่ อากงจุน ก็ได้รับการเลือกเฟ้น จากเรื่องราว เมื่อ เดือนสิงหาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบคุณมาก แล้วก็ ยังเผยอีกว่า อากงจุน แล้วก็ ครอบครัว บริจาคเงินอุดหนุนทุน โครงการต่าง ๆ นับตั้งแต่ปี 2551 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นยอดเงินบริจาค รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เว็บสถาบันทิศทางไทย โพสต์หัวข้อสามนิ้ว วิตกจริต!? ผลักไสไล่ส่ง “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมือง เพียงแค่เพราะเหตุว่า บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เรื่องราวกล่าวว่า สืบไปจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้จัดตั้งฮาตาริ รวมทั้ง ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศ.จ. นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี แผนกแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อม รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาพยาบาลรามาธิบดี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ซึ่งถือได้ว่าเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลมากมาย ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการบริจาคเงินจำนวนมากมายก่ายกองในครั้งนี้ ที่สามารถรักษา และ ช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย

แต่ว่าแล้วดูเหมือนกับว่า คนดีในสังคมจะต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มชนคลุ้มคลั่งการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาจู่โจม นายจุน รวมทั้ง ครอบครัว ว่า เพราะเหตุไรจำเป็นต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงขนาดผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการบ้านการเมืองโดยทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังกล่าวซึ่งมีรายละเอียดว่า

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามา

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี โอกาสหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุใดจะต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม แล้วก็ พิมพ์อะไรบ้าคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีประชากรเยอะมากๆ ต่างกำเนิดความรู้สึกไม่พึงพอใจ ที่พยายามผลักคนที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งทางการเมือง โดยมีเนื้อหาว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญ

ช่วงเวลาเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm บอกว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การบ้านการเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยบอกว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกที พร้อมทั้งข้อตกลงหาร 100 ที่กระจ่างแล้ว จึงถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนกับการทำงานให้พลเมือง ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายในตอนนี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กมีความคิดเห็นว่า อาจจะไม่รอด กับการเลือกตั้งลักษณะนี้ จึงรีบควบรวมกันครึกโครม ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันสนุก สะท้อนปัญหาคลาสิกตลอดไปของการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ผู้แทนของอุดมการณ์ แม้กระนั้นรูปแบบของสมการที่ผันไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นหลัก หรือ ถ้าเกิดส่งผลประโยชน์พอดีก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สนใจ ว่าก่อนหน้าเคยกล่าวกับพสกนิกรไว้ว่าอย่างไร

ประเด็นนี้ว่าห่วยแตกแล้ว แต่ว่าก็ยังเป็นเรื่องเชิงส่วนประกอบที่ต้องจัดการกับปัญหากันไป แต่ว่าเรื่องสำคัญกว่านั้นเป็น ระหว่างการดีลกันวุ่นวายปัจจุบันนี้ ปัญหาของสามัญชน ก็พลอยมิได้รับการปรับปรุงแก้ไขไปด้วย เป็นไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

ถ้าหากใครไม่เชื่อ ขอให้ลองไปเปิดโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้มอง มีแต่ข่าวปัญหาภายในสังคมเยอะไปหมด ปากท้องประชาชนก็ทุกข์ยากลำบาก ทำมาหากินยากอย่างมาก ยาบ้าก็เยอะ ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แต่ว่าไม่มีใครคิดเอาใจใส่

ขนาดพื้นที่โดนน้ำหลากหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ทดแทนแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ดำเนินการกันเสมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

โดยเหตุนั้น ก่อนพี่น้องประชาชนจะทนทุกข์กันมากมายไปกว่านี้ ยังไงผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมถึง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักนิดว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แม้กระนั้นอย่าลืมตัวเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีหน้าที่บริหารประเทศ ยังไงก็สละเวลามาดำเนินการกันบ้างครับผม https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่นอน, ข้อความสำคัญที่น่าสนใจ ก็คือ กรณี “Forbes” เชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจดีแห่งทวีปเอเชีย ที่สะท้อนให้เห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ด้านการเมือง และไม่มีข้าง แม้แต่มีจิตใจเป็นบุญกุศล และก็ เห็นแก่สังคมสาธารณะมากยิ่งกว่าส่วนตัว

ความเป็นจริง ไม่เพียง “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่างน้อยก็คืนกำไรให้สังคมบ้าง ที่กอบโกยไปแล้วเยอะมากมหาศาล

ถ้าเกิดแต่ “ติ่ง” ด้านการเมือง ก็สมควรให้ “เครดิต” มากยิ่งกว่า นำมาแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ด้านการเมือง เนื่องจากว่าไม่เช่นนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก แล้วก็ ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

1 บิ๊กตู่

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนกันครึกโครม ทั้งการออกนโยบายใหม่ เพื่อหาคะแนนนิยม รวมทั้ง การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะออกเดินทางมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้คนที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยยิ่งไปกว่านั้น อำนาจสำหรับในการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง รวมทั้ง สังเกตความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อไร เพราะว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลทางการเมือง กับทุกพรรค รวมทั้ง ทุกกรุ๊ปการบ้านการเมืองเป็นลูกโซ่ เวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือ ปลดปล่อยยาวจนครบวาระ มันก็ล้วนมีนัยยะทางการเมืองทั้งสิ้น

ถ้าเกิดแยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอคาดคะเนกันได้อยู่แล้วว่า เขาต้องการไปต่อ อีกสองปี โดยชอบด้วยกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้ง ยุบสภาเมื่อไร

ล่าสุด เมื่อเที่ยงวันที่ 12 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ แว่นแคว้นเบลเยียม เพื่อร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป ยุคพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความข้องเกี่ยว อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565

2 บิ๊กตู่

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกฯได้ทักสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

แล้วต่อจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวถาม มีความเป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติอะไร หรือไม่ ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการดำเนินงานไปตามระบบ นายกฯ ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เพราะว่า ระดับนโยบาย นายกฯได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ดำเนินงานไป ความสำเร็จก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีผลจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง นายกฯพูดว่า ไม่รู้เรื่องโพล ใครทำก็ไม่รู้เรื่อง ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ไม่มีผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง ผู้สื่อข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะมีผลต่อการตัดสินใจ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ไม่มี

เมื่อถามคำถามว่า กลับมาจากต่างแดนครั้งนี้ จะแสดงท่าทีทางการเมืองที่กระจ่างแจ้ง ได้หรือไม่ นายกฯ พูดว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ทำให้ถูกตีความได้ว่า หลังจากสำเร็จการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – อียู หลังวันที่ 15 ธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความกระจ่างออกมา หรือไม่ รวมทั้ง เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือไม่

เพราะว่าถ้าเกิดจำกันได้ ก่อนหน้านี้ เขาเคยตอบคำถามว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งในความเป็นจริงในขณะนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตทางการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความกระจ่างมาและคือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่าเชื่อว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เพราะว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น ทำให้การประกาศทีท่าทางการเมืองใหม่ ก็เลยต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

3 บิ๊กตู่

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อน มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครึกโครม มันก็แปลงเป็น ตัวกระตุ้นให้เขาต้องร่นเวลาเปิดตัว สร้างความกระจ่างทางการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่น รวมทั้ง การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง กรุ๊ปการบ้านการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่ต้องตัดสินใจด้วย เนื่องจากว่า ถ้าเกิดเคลื่อนช้า หรือยังเงียบถัดไป อาจมีผลต่อการจัดเตรียมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็จะต้องมีความกระจ่าง

ก่อนหน้านี้ ถ้าหากตรวจสอบบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง กรุ๊ปการบ้านการเมือง ที่ประกาศกระจ่างแจ้งว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ จำนวนหนึ่ง

มีรายชื่อแล้ว 3 – 4 คน กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กรุ๊ปภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความกระจ่างแล้ว น่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายๆคนตามมาอีก

ถึงแม้หลายๆคนเห็นว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนใหญ่จะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความแตกต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทไม่ได้ก็คือ “กระแส” ที่การบ้านการเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างเหนียวแน่น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ หลัก ๆจะเป็นอย่างงี้ ถึงแม้อาจจะมีกรุ๊ปใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังไม่ได้เติบโต ที่จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกรุ๊ปไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้

ที่พินิจพิเคราะห์ตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมทั้ง “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา ได้โอกาสแทรกขึ้นมา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง เพราะว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดชี้ขาด แต่นั่น เป็นเพราะว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มกำลัง

ดังนั้นเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธ.ค. แล้ว เชื่อว่าต้องกระจ่างแจ้ง เพราะว่าฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก รวมทั้ง ขยับไปไกลแล้ว คงจะรอคอยไม่ได้แล้ว

รวมทั้ง เมื่อต้องประกาศทีท่า มันก็ต้องเตรียมพร้อม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งถ้าเกิดเป็นอย่างงี้ มันก็น่าจะลงคะแนนกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ !!

1 ช้ำในตาย

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

คุณลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปขโมยของบ้านคนอื่นๆ เจ้าของบ้าน สามารถป้องกันเงินทองได้

(6 ธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ แล้วก็ ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เหตุทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อม่าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระท่อมนาของตัวเอง ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง แล้วก็ ถูกเจ้าของบ้านจับได้ แล้วก็ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาภายนอกบ้าน แต่ เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนนายคำดีนิ่งแน่ไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็ ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ แล้วก็ กักคุมตัวนายคำดี ไปที่ สถานีตำรวจภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อกล่าวหาทะเลาะวิวาท แล้วก็ จับนายคำดีจำคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนที่จะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท แล้วก็ ปล่อยตัวในวันที่ 16 พฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เพราะร่างกายระบมอย่างหนัก แล้วก็ รับประทานข้าวปลาของกินไม่ได้ คลื่นไส้เป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แต่พี่น้องไม่รู้ เพราะ นายคำดี ไม่ได้ออกจากบ้าน กระทั่ง วันที่ 23 พฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี พี่น้องก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ประมาณ 3 – 4 วัน

แล้วก็กลับไปอยู่ที่บ้านวันที่ 27 พฤศจิกายน เพราะ นายคำดี ปฎิเสธการดูแลและรักษา ไม่ต้องการให้แพทย์ สอดสายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งในช่วงเวลานั้นแพทย์ไม่ได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา กระทั่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 เดือนธันวาคม แล้วก็ ทำการเผาศพวันที่ 2 เดือนธันวาคม

หลังจาก นายคำดี เข้าไปขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) จนกระทั่งบาดเจ็บอย่างหนัก แล้วก็ ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน นานกว่า 2 สัปดาห์ ไม่อาจจะเดิน หรือ ทานอาหารได้ หลังแล้วก็เสียชีวิต

แต่พอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยอ้างว่า นายคำดี เข้าไปขโมยของที่บ้านของคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถป้องกันเงินทองของตนเองได้

แล้วก็ มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด เวลาที่ นายคำดี ไปขโมยกัญชาที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนมีความคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะ นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดลักษณะการเจ็บป่วยไข้จนเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่พิพาทแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อแจ้งความฟ้องร้อง กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็บอกข่มขู่ฝ่ายของตัวเอง จนทำให้มีการเกิดความหวาดกลัว แล้วก็ ไม่กล้าที่จะแจ้งความ

3 ช้ำในตาย

จากเหตุ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชาจน ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนเจ็บ คู่กรณี ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา กระทั่ง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่อาฆาตยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าหากอยากได้เงินก็ไปฟ้องเอา เพราะจะฟ้องกลับ ที่มาขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แต่ตำรวจกลับบอกว่า พวกตนผิด

เพราะไปลักขโมยในยามวิกาล ซึ่งในช่วงเวลานั้น ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าผู้ตายไปลักขโมยจริง แล้วก็ ไม่มีแนวทางช่วยเหลือ น้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังการันตีว่าฝ่ายตนผิด ซึ่งตนมีความคิดว่า ทำไมฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด ทำไมตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความเป็นธรรม กับผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี กล่าวมาว่า พร้อมให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ เพิ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แต่จากข้อมูลที่ได้รับฟังมั่นใจว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่กรณีได้ คือ ฆ่าคนอื่นโดยไม่ได้เจตนา หรือ ทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่กรรม

จะสั่งให้พนักงานสอบสวน สภ.วังสามหมอ เร่งจัดการสอบปากคำ สักขีพยาน ทั้งสองฝ่าย

แล้วก็ ถ้าหากพี่น้องผู้ตายมั่นใจว่า มีสักขีพยานอื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกจากนั้นผลวินิจฉัยการเสียชีวิตของแพทย์ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจะต้องไปซักถามคำให้การ จากแพทย์สำนักงานรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจะต้องรับแจ้งความแน่ๆ แล้วก็ ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ความจริงกันบนศาล