จำเป็นต้องพูดว่ายิ่งใหญ่ทีเดียว สำหรับงาน วัน มวยไทย (วันที่ 6 กุมภาพันธ์) ที่ในปีนี้ ได้จัดให้มีการไหว้ครู ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมสร้างสถิติโลก (The Guinness World Records) ด้วยจำนวน 3,660 คน
โดยในปีนี้ กองทัพบก ได้ประสานมือกับ ทีเส็บ การท่องเที่ยวแห่งเมืองไทย (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) การกีฬาแห่งเมืองไทย กระทรวงวัฒนธรรม และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดงาน “Amazing Muaythai Festival 2023” ขึ้น ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
วัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อสร้างการประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย มรดกวัฒนธรรมของชาติ ให้ก้าวสู่ความชื่นชอบในระดับสากล และระดับโลก และเป็นส่วนหนึ่งของงาน Amazing MuayThai Festival 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งได้รับเกียรติจาก มัวริซิโอ สุไลมาน ประธานสภามวยโลก (WBC), ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งเมืองไทย, พล.ตสัจจา สุขสุเมฆ นายสนามมวยเวทีลุมพินี, พันเอกธนพล ภักดีภูมิ เลขานุการบริหารสภามวยโลก มวยไทย (WBC MuayThai)
แน่นอนงานนี้ “ดำดอตคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ หรือ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ ที่เป็นเลิศในกำลังพลกองทัพบก และในฐานะ นักมวยไทย เป็นผู้นำรำไหว้ครูมวยไทย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย ที่อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน ก่อนบันทึกสถิติโลกได้สำเร็จ
‘บัวขาว’ สุดภูมิใจนำไหว้ครู มวยไทย บันทึกสถิติโลก เป็นรางวัลยิ่งใหญ่ ต้นตำหรับไทยอย่างแท้จริง
7 เดือนกุมภาพันธ์2566- ที่อุทยานราชภักดิ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วงค่ำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ ให้สัมภาษณ์หลังนำไหว้ครูมวยไทยบันทึกสถิติโลก ว่า “เกินความรู้สึกที่เราได้ทำมา เรามีความตั้งมา และวันนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกินจริงในการได้รับรางวัลเป็นขวัญกำลังใจ แต่สิ่งที่ตนดีใจคือการรวบรวมเป็นแผ่นหนึ่งเดียวกันขึ้นมา สร้างประวัติศาสตร์ระลึกเป็นใจดวงเดียวกันที่จะเป็นลูกหลานศิลปะของไทยเราจริงๆ ที่เรามาร่วมใจกันในวันนี้ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา ว่าทำให้ก่อเกิดต้นตำหรับของไทยอย่างแท้จริง ซึ่งตนมีความภาคภูมิใจและตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่มีภาพเหล่านี้เกิดขึ้น การที่เราไปแสดงโชว์ศิลปะบนเวที หรือการที่เราไปเผยแพร่ให้คนทั่วโลกยอมรับในมวยไทย แต่วันนี้บ้านเราทำใหเเกิดขึ้นเป็นต้นตำหรับแล้ว”
เมื่อถามว่าต้องการฝากอะไรถึงเยาวชนคนประเทศไทยให้รักษาความเป็นไทยของเราไว้ ร้อยโท สมบัติ พูดว่า “จริงๆ พวกเราเป็นปูนำทางอยู่แล้ว ฝากรุ่นน้องหรือผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงเยาวชนให้อนุรักษ์การต่อสู้ศิลปะมือเปล่าประจำชาติไทยของเราให้อยู่คงนานต่อไปอย่างน้อยก็ได้มาฝึกซ้อมทำให้ร่างกายแข็งแรงซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า เมื่อเรามาเล่นกีฬาจะหล่อหลอมให้เกิดความมีระเบียบวินัยขึ้นและเป็นพลังที่ทำให้ศิลปะการต่อสู้ของเราอยู่คงนานต่อไปได้”
ถามว่ามวยไทยถัดไปมวยไทยเวทีโโลกจะเป็นอย่างไรนั้น ร้อยโท สมบัติ บอกว่า “สิ่งที่กิดขึ้นนี้ถือเป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่ก่อกำเนิด ให้ทั่วโลกได้ยอมรับ ตนคิดว่าไม่ช้าก็เร็วที่จะทำให้กีฬาศิลปะประจำชาติไทยก้าวสู่ระดับโลก ตนอยากให้เกิดภาพเหล่านั้นขึ้น สำหรับความประทับใจมากที่สุดในโชว์วันนี้ คือการที่ตนยืนอยู่หน้าทุกคน อยู่หน้าทุกสายตาที่ทุกคนจ้องมองมาหรือหน้าจอทีวีที่พ่อแม่พี่น้องได้ชมการถ่ายทอดในวันนี้ ในความคิดของตนการที่ได้ร่ายรำสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว วันนี้ถือเป็นวันสำคัญและเป็นความภาคภูมิใจและเข้ากับทุกคนที่ทำในวันนี้”
สรุป 7 ข้อ ดราม่า “กุน ขแมร์” ลามถึง “บัวขาว vs มวยกัมพูชา”
ย้อนดราม่า “กุน ขแมร์” ศิลปะการต่อสู้เขมรที่จะมีแข่งขันใน “กีฬาซีเกมส์ 2023” ท่ามกลางเสียงวิภาควิจารณ์จากฝั่งไทย ลามสู่ประเด็นการตอบโต้กันระหว่าง “บัวขาว” และเหล่าคนมวยฝ่ายกัมพูชา
1. “กุน ขแมร์” ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชา เปลี่ยนเป็นข้อความสำคัญที่คนประเทศไทยให้ความสนใจ หลังจากที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขัน “ซีเกมส์ 2023” ที่ กัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ประกาศว่าจะมีการจัดแข่งขัน กุน ขแมร์ ในซีเกมส์ครั้งนี้ แต่ไม่ยอมใช้ชื่อประเภทกีฬาว่า “มวย” เสมือนที่เคยเป็นมาในการแข่งขันครั้งก่อนๆ
โดยอ้างถึงว่าเป็นศิลปะการป้องกันตัวของชาติเจ้าภาพ ทั้งๆที่ใช้กฎกติกาอย่างกับ มวยไทย เกือบจะทุกประการ
2. จากการประกาศดังกล่าวทำให้ สมาพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ตอบโต้ทันที โดยประกาศว่า กีฬามวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง ในกีฬาซีเกมส์ควรต้องใช้ชื่อ “มวย” แค่นั้น เพราะเหตุว่าแม้จะแปลงชื่อไปแต่ กติกาของกีฬาชนิดนี้ทุกอย่างยังคงราวกับมวยไทย พร้อมประกาศเพราะว่า หากชาติใด ส่งนักกีฬาลงแข่งขันรายการดังกล่าว ก็จะถูกแบนจากแมตช์ที่ อีฟม่า การันตีอย่างแน่นอน
เหมือนกันกับ สมาคม กีฬามวยไทย สมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันว่าจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันคราวนี้ โดยแจ้งให้ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ทราบเรียบร้อยแล้ว
3. ด้วยการตอบโต้จากฝั่งไทย ทำให้ชาว กัมพูชา เริ่มแสดงความไม่พอใจเหตุเพราะเชื่อถือว่า “กุน ขแมร์” คือเจ้าของตำรับของ มวยไทย จริงๆ และประเด็นนี้ก็ได้ทำให้เกิดการปลุกความเป็นชาตินิยมของชาว กัมพูชา มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการเรียกร้องความเป็น ต้นตำรับ ด้านต่างๆ ทั้งมวยไทย ศิลปวัฒนธรรม อื่นๆอีกมากมาย
ลุกลามไปถึงการเชื่อถือว่าคนมีชื่อเสียงของไทยบางคนนั้น มีเชื้อสายเขมร หนึ่งในซึ่งก็คือ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ยอดนักมวยคนประเทศไทย
โดยในเพจเฟซบุ๊ก Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ได้มีชาวกัมพูชาบางรายมาคอมเม้นต์
ในประมาณว่า “บัวขาว” เป็นคนเขมรหรือมีเชื้อสายเขมร ร้อนถึงเจ้าตัวจำเป็นต้องรีบออกมาโพสต์ชี้แจง โดยการันตีว่าเป็น “คนไทยเชื้อสายกูย” ไม่ใช่คนเขมรอย่างที่เชื่อกัน
4. ต่อมา “บัวขาว” Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกที ในระหว่างไปร่วมเปิดตัวภาพยนตร์ Marvel Studios’ Ant-Man and The Wasp: Quantumania โดยบอกว่าไม่ได้ซีเรียสอะไรหากทางกัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงชื่อมวยไทยเป็น กุน ขแมร์ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำไป อย่างไรมวยไทยก็นับว่าเป็น “ออริจินัล” อยู่แล้ว
5. จากคำให้สัมภาษณ์ของ บัวขาว เปลี่ยนเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับฝ่าย กัมพูชา โดย สเรย จันทร รองประธานกิตติมศักดิ์สมาพันธ์มวยกัมพูชา ได้ประกาศว่า พร้อมจะแจกทั้งที่พัก รถ และเงินเดือน 10 ปี ให้กับนักมวยเขมรคนใดกันแน่ก็ตามที่ล้ม บัวขาว ได้ ตามมาด้วยเน็ตไอดอลกัมพูชาที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “Yada Yada” ก็ประกาศเหตุว่า จะแต่งงานกับคนที่สามารถเอาชนะบัวขาวได้ แบบที่ไม่ต้องมีสินสอดทองหมั้นใดๆมาให้ แล้วหลังจากนั้น “แก้ว รัมย์จง” นักสู้ กุน ขแมร์ วัย 35 ปี ก็โพสต์ท้า บัวขาว ให้มาสู้กับตนเองด้วย
6. ระหว่างที่ทางฝั่งกัมพูชากำลังท้าทายบัวขาวอยู่นั้น ยอดกำปั้นชาวไทยก็โพสต์อีกครั้งโดยการันตีว่า ไม่ได้มีปัญหาใดๆกับชาวเขมรทั้งสิ้น แต่ขอทวงเงินค่าจ้าง 2.2 ล้านที่ไปขึ้นสังเวียนในรายการ Worldfight tournament ที่ยังได้ไม่ครบจนกระทั่งตอนนี้
7. จากเรื่องความไม่ถูกกันที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ จนถึงอาจขยายกลายเป็นประเด็นระหว่างชาติ ทำให้ สเรย จันทร รองประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยกัมพูชา พยายามจบดราม่าด้วยตัวเอง โดยพูดว่า ฝากถึงแฟนมวยชาวไทยอย่าเข้าใจในตัวเขาผิด พร้อมทั้งวอนให้แฟนมวยของพวกเขาหยุดโจมตีเมืองไทย